มีการค้นคว้ามากมายถึงอาหาร/สารอาหารหลายๆตัวในเรื่องนี้ เราจะมาดูกันว่า มันมีผลตามที่คุณคิดไว้หรือไม่
1. ซุบไก่สกัด
หลายๆคนคงเคยเห็น โฆษณาที่มีเด็ก มากินแล้วดูเหมือนเด็กจะฉลาดขึ้น ก็ต้องบอกได้เลยครับว่ามันเป็นแค่โฆษณาเท่านั้น
สารอาหารในซุบไก่สกัดนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเพียงโปรทีนที่ย่อย/หมักมาแล้ว มันอาจจะมีประโยชน์บ้างในคนที่ระบบการย่อยอาหารไม่ปกติดี แต่ในคนปกติแล้ว การกินซุบไก่สกัด ไม่ส่งผลประโยชน์อันใดครับ
เมื่อช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการศึกษาอ้างว่า การกินซุบไก่สกัด จะทำให้เกิดคลื่นในสมองชนิดหนึ่งมากขึ้น ซึ่งเจ้าคลื่นที่ว่านี้ ปกติเราจะเกิดเมื่อเรามีสมาธิ เขาเลยอ้างว่าการกินซุบไก่สกัดจะทำให้มีสมาธิมากขึ้น
แต่นั่นไม่ได้เกี่ยวกันเลยครับ การมีสมาธิมากทำให้เกิดคลื่นนี้ได้จริง แต่ยังไม่มีใครที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าการมีคลื่นนี้มากแล้วจะทำให้มีสมาธิมากขึ้นครับ และการมีสมาธิมากขึ้น ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องฉลาดมากขึ้นด้วย เช่น เด็กบางคนอาจจะมีสมาธิสูงมากกับการเล่นเกมส์ ผู้ชายบางคนมีสมาธิมากเวลาดูประกวดนางงาม
2. วิทามินบี
วิทามินบี เป็นส่วนช่วยในการทำงานของสมอง เช่น วิทามินบี12 ช่วยให้เซลประสาทแข็งแรง, วิทามินบี6 ช่วยสร้างสารสื่อประสาท
ซึ่งแน่นอนทั้ง 2 อย่าง ไม่ได้มีผลช่วยให้เราฉลาดขึ้นแต่อย่างใดครับ
3. วิทามินรวม
กรณีนี้ก็คล้ายๆกับของวิทามินบีครับ
สิ่งที่วิทามินรวมช่วยได้มีเพียงกรณีเดียวคือ การกินอาหารที่ไม่ครบหมู่ตามที่ร่างกายต้องการเท่านั้น อาการอย่างอื่น เช่น เหนื่อย อ่อนเพลีย ฯลฯ วิทามินไม่มีส่วนช่วยแต่อย่างไร
4. เลซิธิน
เลซิธิน เป็นส่วนประกอบสำคัญในสมอง เชื่อกันว่าการกินแล้วจะไปช่วยเสริมสร้างสมองเราได้
แต่จากการทดลองแล้ว ไม่พบว่ามันมีส่วนช่วยแต่อย่างใด(ไม่งั้นคนที่กินสมองบ่อยๆ ก็จะเก่งมากๆสิ)
ถึงแม้เลซิธินอาจจะมีประโยชน์ในเรื่องหัวใจและหลอดเลือด แต่ไม่ได้มีประโยชน์ในเรื่องความจำและสมองแต่อย่างใดครับ
5. แปะก้วย/กิงโกะ
ตัวนี้เป็นเพียงตัวเดียวในทั้งหมดที่มีความน่าเชื่อถือว่าจะใช้ได้จริงๆครับ
แต่มีข้อแม้ว่า คุณจะต้องเป็นโรค Alzeimer's เท่านั้น และการใช้แปะก้วย ก็จะช่วยแค่ไม่ให้ความจำแย่ลงเท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้มีความจำดีขึ้น
นอกจากนี้ การใช้แปะก้วยที่จะให้ได้ผลเรื่องนี้ ต้องใช้สารสกัดจากใบครับ คนที่กินเม็ดแปะก้วย จะไม่ได้ประโยชน์อะไรในเรื่องนี้เลย
6. น้ำมันปลา + Omega-3
ในการสร้างเซลสมอง ร่างกายจำเป้นที่จะต้องใช้ไขมัน 2 ชนิดคือ Omega-3 และ DHA ซึ่งเราพบมากในน้ำมันปลา (และในอาหารอื่นๆอีกหลายชนิด) แล้วเปลี่ยนให้อยู่ในรูปของ DHA เพื่อสร้างเซลสมองต่อไป
ซึ่งกระบวนการสร้างเซลสมองนี้ เกิดขึ้นในช่วงเด็กทารกจนถึงอายุประมาณ 5 ขวบ ดังนั้นคนที่อายุมากกว่านี้ กินไปก็ไม่ได้ช่วยพัฒนาสมองได้ (อาจจะได้ประโยชน์ในเรื่องของช่วยลดอาการไขมันในเลือดสูง)
ถึงแม้ว่าในอาหารเด็กหลายยี่ห้อ จะมีการผสมน้ำมันปลาลงไปด้วยเพื่อช่วยในจุดนี้ แต่จากการศึกษาแล้วพบว่าน้ำมันปลามีส่วนช่วยเรื่องความจำได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น ไม่ได้ช่วยก่อให้เกิดเด็กที่ฉลาดกว่าปกติแต่อย่างใด และยังเคยมีคนออกมาเตือนว่า ไม่ควรให้เด็กกินน้ำมันปลา เพราะอาจจะได้รับสารพิษตกค้างที่มากับปลาในปริมาณสูง (ในผู้ใหญ่จะสามารถกำจัดสารพิษออกไปได้ดีกว่าในเด็ก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น