MILKKIZZ*

วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

อันตรายที่ควรทราบจากการใช้เครื่องสำอาง

ปัจจุบันนี้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี่เป็นไปอย่างรวดเร็ว วิวัฒนาการด้านความงามก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นวิวัฒนาการทางด้านเครื่องสำอาง ร้านเสริมสวย สถาบันเสริมความงาม การใช้แสงเลเซอร์ ช่วยในการรักษาผิว ทั้งหมดที่ถ้าใช้อย่างถูกวิธี ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้งก็ทำให้เกิดผลแทรกซ้อนได้ ควรศึกษาให้พอเข้าใจบ้าง เพื่อประโยชน์แต่ตนเองและคนรอบข้าง

' เครื่องสำอาง' ตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2525 หมายความว่า วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้ทา ถู นวด พ่น หยอด ใส่ อบ หรือการกระทำด้วยวิธีอื่นใส แต่ส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย เพื่อทำความสะอาด ความสวยงาม หรือ ส่งเสริมให้เกิดความสวยงาม ตลอดจนเครื่องประทินโฉมต่างๆ ดังนั้นทุกคน ทุกเพศวัย จึงต้องใช้เครื่องสำอางทั้งนั้น เพราะรวมถึง สบู่ ยาสีฟัน และแชมพูทำความสะอาดร่างกายด้วย

จากสถิติในต่างประเทศ มีการสำรวจการใช้เครื่องสำอาง พบว่า มีผลข้างเคียงในการใช้เครื่องสำอาง 680 ครั้ง ต่อการใช้ 1,000,000. ครั้ง และในคลินิกภูมิแพ้ พบคนไข้มีการแพ้จากเครื่องสำอาง ประมาณ 10 %

สาเหตุที่ทำให้เกิดอันตรายจากการแพ้เครื่องสำอาง อาจจะเกิดจาก

1. ความเข้มข้นของสารที่มากเกินไป
2. การใช้ผิดวิธี และวัตถุประสงค์
3. ความเป็นด่างของเครื่องสำอาง
4. เครื่องสำอางมีสารระเหย เป็นส่วนประกอบอยู่ในปริมาณสูง เช่น ในน้ำหอมบางชนิด
5. ตำแหน่งที่ใช้ เช่น รอบดวงตา มีโอกาสแพ้ได้ง่ายกว่าที่อื่น

อาการทางคลินิก ที่อาจเกิดได้จากการใช้เครื่องสำอาง

1. การระคายเคือง ( Irritation contact dermatitis) มีอาการคัน หรือรู้สึกเพียงยิบๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 10 นาที มักเกิดจากการใช้เครื่องสำอางบนใบหน้า อาจมีผื่นแดง บวม ตุ่มผิวหน้งอักเสบ เมื่อหยุดการใช้ อาการจะหายไป
2. อาการภูมิแพ้ผื่นคัน(Allergic contact dermatitis) อาการที่ตั้งแต่น้อยๆ แค่มีผื่นแดงคัน จนกระทั่งแพ้มาก เป็นตุ่มแดง ตุ่มน้ำ มีขุย สารที่ก่อให้เกิดการแพ้ มักได้แก่ น้ำหอม สารกันบูด สารลาโนลิน สีย้อมผม
3. ผื่นลมพิษ(Contact Urticaria) จะมีอาการผื่นแดง บวม ถ้าเป็นน้อยๆ อาจเห็นแค่ หนังตาบวม ปากบวม ถ้าเป็นมาก อาจพบผื่นบวมทั่วหน้า มักเกิดจาก การแพ้ยาย้อมผม
4. ผิวหนังเปลี่ยนสี( Pigmented contact dermatitis) บางครั้งพบว่า ยิ่งทาเครื่องสำอางแล้วหน้ายิ่งดำ อาจเกิดจากผลิตภัณฑ์ที่ส่วนผสมของน้ำหอม มะกรูด มะนาว แตงกวา หรือการใช้สมุนไพรทาหน้า ซึ่งมีสารเคมีที่เมื่อโดนแดดแล้วจะเกิดอาการแพ้แสงแดด เห็นเป็นรอยดำบริเวณที่สัมผัส บางครั้งแม้จะหยุดใช้ก็ยังไม่หายดำ
5. ผื่นขาว( Contact leukoderma) ในสมัยก่อน มีผู้นิยมใช้ครีมทาทำให้หน้าขาว ด้วยสารจำพวกปรอท ไฮโดรควิโนน ทำให้หน้าขาวได้จริง แต่จะขาวไม่สม่ำเสมอ กระดำกระด่าง เมื่อหยุดใช้ก็ยังมีอาการด่างขาว ถาวร แต่ในปัจจุบัน ทางอ.ย. ได้มีการห้ามการใช้สารพวกนี้ในเครื่องสำอางแล้ว
6. สิว(Comedogenic contact dermatitis) มักเกิดจากเครื่องสำอาง ที่มีส่วนผสมของลาโนลิน สารสเตียรอยด์ โซเดียมลอรัลซัลเฟต เมื่อใช้นานๆ จะเกิดสิวได้ ดังนั้นในคนที่อายุเลยวัยที่จะเป็นสิวแล้ว ถ้าเกิดสิวขึ้นมา ให้สงสัยว่าอาจจะเกิดจากการแพ้เครื่องสำอางไว้ก่อน
7. การเปลี่ยนแปลงของเล็บ เช่น เล็บลอก เปลี่ยนสี ขอบเล็บอักเสบ อาจเกิดจากยาทาเล็บ น้ำยาล้างเล็บ
8. การเปลี่ยนแปลงสีผม อาจจะมีเส้นผมหัก เปราะง่าย เนื่องจากน้ำยาดัดผม หรือ น้ำยายืดผม
9. ผลต่อระบบอื่นๆ ของร่างกาย เช่น เยื่อบุตาอักเสบ การดูดซึมของสาร และการสะสมของสารพิษในระยะยาว เช่น มีการผสมสารตะกั่ว หรือ ปรอท ทำให้เกิดพิษได้

ดังนั้น เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น และไม่แน่ใจว่า จะเกิดจากการแพ้สารนั้นหรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์ ถ้าเป็นไปได้ ควรนำเครื่องสำอางที่ใช้มาทดสอบ และนำฉลากที่บอกส่วนผสมมาด้วย และช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้ง่ายขึ้น

ที่มา http://ornnami.exteen.com/20090326/entry-6

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น